Everything you need to know about the LoL All-Star Event

แชร์ข่าว
Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter

ผู้ชนะจาก All-Star Melbourne

การแข่งขัน All-Star Melbourne ที่จัดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลีย ได้ทีมผู้ชนะที่จะเป็นตัวแทนไวลด์การ์ดเข้าสู่ All-Star Event เป็นที่เรียบร้อย โดยทีม All-Star จากกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) คว้าชัยเหนือทีมลาตินอเมริกาในรอบชิงชนะเลิศ Kira ผู้เล่นในตำแหน่งมิดเลนสามารถเอาชนะ Seiya จากลาตินอเมริกา และได้สิทธิ์เข้าร่วมรายการหลักในฐานะสมาชิกของ Team Ice


รายชื่อทีมใน All-Star Event

Team Ice

  • LPL (จีน): Koro1 (EDward Gaming), Clearlove (EDward Gaming), Rookie (Invictus Gaming), Uzi (Oh My God), Pyl (LGD Gaming)

  • EU LCS (ยุโรป): Huni (Fnatic), Amazing (Origen), Froggen (Elements), Rekkles (Fnatic), kaSing (H2k-Gaming)

  • IWC (International Wildcard): Smurf (Hard Random), Dimajke (RoX), Kira (Hard Random), LeX (Carpe Diem), Dimonko (Hard Random)

Team Fire

  • LCK (เกาหลีใต้): MaRin (SK Telecom T1), Score (KT Rolster), Faker (SK Telecom T1), PraY (KOO Tigers), MadLife (CJ Entus)

  • NA LCS (อเมริกาเหนือ): Dyrus (Team SoloMid), Meteos (Cloud9), Bjergsen (Team SoloMid), Doublelift (Counter Logic Gaming), aphromoo (Counter Logic Gaming)

  • LMS (ไต้หวัน): Ziv (ahq e-Sports Club), Karsa (Flash Wolves), Toyz (Hong Kong Esports), BeBe (Assassin Sniper), Olleh (Hong Kong Esports)


รูปแบบการแข่งขันหลัก

การแข่งขัน All-Star จะประกอบไปด้วยสามรูปแบบการแข่งขันหลัก ได้แก่ การแข่งขันแบบทีมภูมิภาค, แบบตัวต่อตัว และโหมดสนุกสนาน

การแข่งขันแบบทีมภูมิภาค (Regional Team Match)

  • ทีมจากแต่ละภูมิภาคใน Team Fire และ Team Ice จะแข่งกันเพื่อสะสม 100 คะแนนต่อแมตช์ที่ชนะ

  • ทีมภูมิภาคที่มีคะแนนสูงสุดในแต่ละฝั่งจะได้เข้าสู่การแข่งขันรอบสุดท้ายแบบ Bo3 เพื่อชิง 300 คะแนน

การแข่งขันแบบตัวต่อตัว (1v1 Tournament)

  • ใช้ระบบสุ่มผู้เล่นจากแต่ละฝั่งเพื่อแข่งขันกันใน Howling Abyss

  • กติกาใช้รูปแบบ 1v1 มาตรฐาน โดยรอบแรกจะแข่งแบบ Team Fire vs Team Ice

  • การแข่งขันเป็นแบบ Bo1

  • คะแนนที่ได้รับ:

    • ชนะอันดับ 1: 150 คะแนน

    • ชนะอันดับ 2: 50 คะแนน

    • อันดับ 3–4: 25 คะแนนต่อคน

โหมดสนุกสนาน (Fun Game Modes)

มีการจัดการแข่งขันในโหมดต่าง ๆ ดังนี้:

  • Pick 10: แข่งขันแบบ 5v5 โดยเลือกจาก 10 แชมเปี้ยนที่ได้รับการโหวตมากที่สุด

  • Assassin Mode: แข่งโดยใช้ได้เฉพาะแชมเปี้ยนสายลอบสังหาร และไม่สามารถเห็นตัวเลือกของทีมฝั่งตรงข้าม

  • Marksman Mode: แข่งโดยใช้ได้เฉพาะแชมเปี้ยนสายยิงไกลเท่านั้น โดยไม่มีข้อมูลทีมตรงข้าม

  • One For All: ทั้งทีมใช้แชมเปี้ยนตัวเดียวกัน

  • Tandem Mode: ผู้เล่นสองคนควบคุมแชมเปี้ยนหนึ่งตัวพร้อมกัน


โหมดพิเศษ All-Star All-Stars

เป็นการแข่งขันที่แฟนๆ โหวตเลือกผู้เล่นจากทั้ง Team Fire และ Team Ice โดยเลือกตามตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งจะเป็นการรวมสุดยอดดาวเด่นไว้ในทีมพิเศษ

  • ผู้เล่นที่ได้รับการโหวตมากที่สุดจะได้เข้าร่วมแข่งขัน

  • คะแนนที่ได้รับจากโหมดนี้:

    • ชนะ All-Star All-Stars: 200 คะแนน

    • ชนะ Tandem Mode: 100 คะแนน

    • ชนะโหมดอื่น ๆ (Pick 10, Assassin, Marksman, One For All): 50 คะแนน


สิทธิพิเศษและรางวัลจากการแข่งขัน

  • สมาชิกจากภูมิภาคที่ผู้เล่นในทีมชนะจะได้รับ IP Boost

  • แฟนๆ จะสามารถร่วมโหวตว่าแชมเปี้ยนใดระหว่าง Nautilus, Diana หรือ Teemo จะได้รับสกิน Fire หรือ Ice


สรุป: การแข่งขันที่ห้ามพลาด

การแข่งขัน All-Star Los Angeles 2015 ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นระดับโลกจากทุกมุมโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความทรงจำและความสนุกให้กับแฟนอีสปอร์ตอย่างแท้จริง ด้วยหลากหลายโหมดสุดแปลกใหม่ การแข่งขันที่เดิมพันด้วยคะแนน และการรวมดาวดังแห่งยุคในสนามเดียวกัน

หากคุณคือแฟน League of Legends หรือติดตามวงการอีสปอร์ตอยู่แล้ว บอกได้เลยว่าศึกนี้ พลาดไม่ได้จริงๆ!